การเคลื่อนไหวครั้งแรกของกุลีลากรถเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2459 โดยมีกรรมกร 5 คนได้ร่วมกันออกประกาศให้จีนลากรถหยุดลากรถในวันที่ 4 เมษายน แต่ในวันดังกล่าวยังคงมีจีนลากรถบางส่วนออกมาทำงานตามปกติ ทำให้ถูกพวกรถลากด้วยกันทำร้าย เอกสารที่เห็นอยู่นี้เป็นเอกสารของกรรมกรลากรถชาวจีนทำใบปลิวรณรงค์เรียกร้องไม่ให้เพื่อนคนงานไปลากรถให้กับนายทุนเจ้าของอู่ที่เอาเปรียบคนงาน โดยใช้วิธีสาปแช่งคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ แม้ท้ายที่สุดจะได้รับการเจรจาระงับการขึ้นค่าเช่ารถของเจ้าของรถตามเดิม พร้อมรับรองความปลอดภัยระหว่างการลากรถ การต่อสู้ของกุลีลากรถครั้งใหญ่ปรากฏขึ้นในปี พ.ศ. 2475 กุลีลากรถจำนวน 6,000 คน ในกรุงเทพฯ ได้ทำการสไตรค์หยุดลากรถ เนื่องจากเจ้าของอู่รถค้ากำไรเกินควร โดยคิดอัตราค่าเช่ารถสูงกว่าอัตราที่ทางการกำหนด นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม และยุติลงในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2475 หลังเจ้าของอู่รถได้ตกลงยินยอมลดค่าเช่า การสไตรค์หลายครั้งของกุลีจีนกลุ่มนี้แม้จะประสบความสำเร็จแต่กลับไม่ทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้อย่างแท้จริง เป็นการต่อสู้ให้มีชีวิตอยู่รอดเพียงเท่านั้น
กุลีลากรถ หรือที่คนเรียกติดปากว่ารถเจ๊ก เกิดขึ้นในยุคที่กรุงเทพฯ กำลังพัฒนาเป็นเมืองศิวิไลซ์ตามแบบตะวันตกในสมัยรัชกาลที่ 5 ราวทศวรรษ 2430 และพัฒนาเป็นพาหนะหลักของคนกรุง แต่ต่อมาค่อย ๆ ลดจำนวนลงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนรัฐได้ประกาศให้งดจดทะเบียนรถลากในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2496 เป็นต้นไป และนั่นก็คือบทอวสานของรถลากในเมืองหลวงแห่งนี้ ตลอดระยะเวลา 65 ปี รถลากและกรรมกรลากรถได้เป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์เมืองหลวงของประเทศไทย ผู้คนนิยมใช้รถลากเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ในเมืองหลวง แต่ชีวิตของกุลีลากรถกลับได้ชื่อว่าเป็นกรรมกรชั้นล่างสุดของเมืองหลวง มีชีวิตไม่ต่างอะไรกับขอทานหรือพวกจรจัด ชาวตะวันตกในสมัยนั้นจึงเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเป็นมนุษย์พาหนะ ที่ใช้แรงงานไม่ต่างอะไรกับสัตว์ งานลากรถเป็นอาชีพเริ่มต้นของคนจีนใหม่ที่ไม่มีช่องทางทำมาหากินก่อนที่จะขยับขยายไปสู่อาชีพใหม่ งานลากรถยังเป็นแหล่งพักพิงสุดท้ายของชีวิตกุลีที่ล้มเหลวจากการประกอบอาชีพอื่น ภาพของกุลีลากรถจึงมี 2 ลักษณะที่ขัดแย้งกัน คือ ภาพจีนหนุ่มผู้มาใหม่มีร่างกายแข็งแรงกับภาพจีนแก่ที่ไร้เรี่ยวแรงหรือจีนผอมโซขี้โรค ภาพหนึ่งเป็นชีวิตเริ่มต้นส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นวาระสุดท้ายเมื่อพ่ายแพ้กับการดิ้นรนในเมืองหลวงแห่งนี้