แท้จริงแล้ว คำตอบอยู่ที่ใคร?

การกดขี่ขูดรีดที่เกิดขึ้นกับพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานและนับวันที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจากการนำเทคโนโลยี่มาทดแทนการผลิตแทนคน และยิ่งมาพบกับการแพร่ระบาดของโรคร้ายทำให้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น อนาคตจะเป็นอย่างไร์ เราจะรับมือและแก้ไขมันอย่างไร และปกป้องชีวิตเรา ครอบครัวเราอย่างไร คำตอบใช่อยู่ที่ใคร แท้จริงแล้วคำตอบอยู่ที่ตัวเราและมวลหมู่พี่น้องคนงานทุกคน ว่าเราจะเข้าใจวิถีของการกดขี่ขูดรีด วิถี วิธีการปกป้องตนเองครอบครัวและพวกพ้อง สำคัญเหนืออื่นใดเราต้องเข้าใจว่าลำพังคนๆเดียวมิอาจต่อสู้กับพลังของการกดขี่ขูดรีดได้ แต่หากเราสามัคคีรวมกันให้เหนียวแน่นอย่างเป็นพลัง เราก็จะสามารถหยุดยั้งการกดขี่ขูดรีดได้…จงเชื่อมั่นในพลังของคนงาน พลังของสหภาพแรงงาน และ ร่วมกันจัดตั้งให้เกิดการรวมกลุ่มของคนงานให้กว้างใหญ่ไพศาล เพื่อชีวิตที่ดีของพวกเราทุกคน….. อดีตพนักงานรถไฟ/อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.) อดีตเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)

นักเรียนก็เป็นแรงงานของระบบทุนนิยมเช่นกัน

นักเรียนก็เป็นแรงงานของระบบทุนนิยมเช่นกัน ต้องทำหน้าที่คือเรียน เพื่อออกจากโรงงานอีกทีหนึ่งไปต่ออีกที่ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดนสังคมหลอกมาตลอดด้วยคำพูดที่สวยหรู เหนื่อยวันนี้สบายวันหน้า / เรียนเก่งๆจะได้หางานสบายๆมีเงินเลี้ยงดูผู้ปกครอง ครอบครัว นักเรียนต้องแบกภาระมากมายด้วยคำว่าอนาคตของชาติ , สอนให้โตขึ้นมาทำความดีเพื่อชาติ แต่สิ่งที่เรียกว่าชาติแท้จริงคืออะไร ถ้าแค่เรียนหนังสือให้เก่งแค่นี้ก็สามารถช่วยชาติได้แล้วใช่ไหม สังคมก็สนใจแค่คนที่พิเศษ คนที่เรียนเก่ง คนที่วาดรูปสวย ส่วนคนที่เป็นเป็ดแบบเราก็คงอยู่ในมุมมืดแล้วปรบมือแสดงความยินดีพร้อมกับความขมขื่นใจเล็กน้อยที่ไม่สามารถเหมือนเขา ตอนนี้เราอยู่ม.3 กำลังขึ้นม.4 เราตื่น เราใช้ชีวิต พร้อมกับความแพนิคในทุกวัน รู้สึกอยากจะอ้วกตลอดเวลา เราไม่รู้หนทาง ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตตัวเองเลย รู้สึกผิดในทุกคืนที่ไม่สามารถเหมือนใครได้ เราคิดอะไรไม่ออกเลย ทุกครั้งที่แปรงฟันก็จะคิดถึงอะไรแย่ๆตลอด เราทั้งเรียนไม่เก่ง วาดรูปไม่สวย เล่นเกมส์ไม่เก่ง ไม่มีอะไรวิเศษแต่เราไม่ได้อยากวิเศษอะไรเลยนะ คิดแบบนี้มาตลอดเลย แต่ถ้าโตขึ้นมันก็วิเศษใช่ไหมล่ะ! ไม่งั้นก็ไม่มีใครสนใจ ไม่มีงานสิ ไม่คิดเลยว่าการใช้ชีวิต15ปีมันจะทรมานขนาดนี้เลยค่ะ เราคิดตลอดเลยว่าอ่า ถ้าไม่ต้องใช้ชีวิตคงจะดีกว่านี้นะ มีแต่นำ้ทั้งนั้นเลย ยังไงก็ขอบคุณมากๆที่สร้างฟอร์มนี้ขึ้นมาเหมือนมีคนมารับฟังเราเลยค่ะ ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ/ไม่ต้องจุดประสงค์ต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆนะคะ

พยายามหนักมาก เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มันดูจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น

เราเคยทำงานในองค์กรรัฐวิสาหกิจที่มีแต่คนบอกว่าอยากให้ลูกหลานได้เข้าไปทำงาน แต่เราทำไปได้ครึ่งปี เราไม่มีความสุขเลย งานสบายมาก แต่เราไม่ได้ใช้ศักยภาพของตัวเอง ไม่สนุกในการทำงาน หลายๆอย่างไม่เมคเซ้นตามสไตล์ที่เรารู้ๆกัน ท้ายที่สุดเราตัดสินใจลาออกกลับมาทำเอกชนในแวดวงที่เราสนใจ เราสนุกกับการทำงานมากขึ้นนะ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างแบบที่คิดไว้เลย แต่เราทำงานหนัก กดดัน และไม่มีเวลาเท่าไหร่เลย จนเราถามตัวเองอีกครั้งนึงว่าเราอยากทำหรืออยากเป็นแบบนี้จริงๆหรอ เราตัดสินใจผิดรึป่าวนะ เรารู้สึกว่าในประเทศนี้ไม่มีพื้นที่ให้คนสามารถเอนจอยกับการทำงานและต้องการ work-life balance เลย เหมือนถ้าเลือกอย่างใดอย่างนึง ก็คงต้องเสียอีกอย่างไป ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นอย่างงั้นเลย หรือเราอาจจะยังหาที่ทำงานที่เหมาะกับเราไม่ได้เองก็ไม่รู้นะ มันแค่รู้สึกแบบไม่ฟิตอินเลย หลายครั้งเรารู้สึกว่าเราพยายามหนักมาก เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มันก็ดูจะไม่ได้เป็นอย่างงั้นเท่าไหร่ ด้วยระบบและโครงการสังคมแบบนี้ แต่เราก็หวังนะว่ามันจะดีขึ้น ขอให้ทุกคนที่กำลังสู้อยู่ได้เจอนายจ้างที่ดี ปีนี้ได้เพิ่มเงินเดือนเยอะๆนะคะ ได้เจอหัวหน้าที่มองเห็นศักยภาพของคุณและมีความเป็นมนุษย์เยอะๆ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการกันทุกคนเลยนะ อย่าลืมรักษาสิทธิของตัวเองกันด้วยนะ วันลาเราห้ามทำงานนะะ

ค่าแรงบาริสต้าในไทยไม่ถูกให้ค่า

ก่อนกลับมาไทยเราเคยทำงาน Hospitality ที่ออสเตรเลียมาก่อน ทำงานไปเรียนไปอยู่ที่นั่นประมาณเกือบจะ4ปี งานส่วนใหญ่ที่ทำก็เสริฟ์อาหาร เหล้า ทำกาแฟ หลังๆพออยู่นานมีประสบการณ์เขาก็เลื่อนขั้นให้เราเป็น supervisor แต่ก่อนจะได้เป็นเราก็โดนโควิทเสียก่อนจึงกลับมาไทย เราถือว่า เราทำงานไม่หนักมากถ้าเทียบกันคนไทยอื่นๆที่อยู่ที่นู่น เราหยุดเยอะ ลงร้านเยอะ แต่ได้เงินที่สมเหตสมผลมาก เฉลี่ยแล้วเราได้เงินเกือบ 7หมื่นบาทต่อเดือนเราคิดว่าเราทำงานหนักแล้ว แต่พอกลับมาไทยที่ไทยดันแย่เสียกว่าอีก ที่นู่นเราทำเกือบจะ 10ชม แต่ได้เงินต่อวันเฉลี่ยแล้ว 150$ หรือเกือบ 3,750 บาทต่อวันรวมหักภาษีแล้วด้วย แต่ที่ไทยเราทำ 10.30ชั่วโมง แต่ได้เงินวันละ 600 แถมยังต้องทำทุกอย่างซึ่งเรารู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก งานบริการของที่นั่นไม่ต่างจากงาน พนักงานแบงค์ คนขับรถไฟ หรือแม้แต่นางพยาบาลเลย ทุกคนต่างทำงานบริการเหมือนกันต่างกันแค่บริบทแต่ได้รับเกียรติความเป็นมนุษย์เท่ากัน ซึ่งต่างจากไทยมาก หากสังคมไทยสอนเด็กในโรงเรียนหรือแม้แต่ในครอบครัวว่าทุกอาชีพมีค่าเท่ากันประเทศไทยก็คงไม่มีการลดทอนความเป็นคนมากขนาดนี้ งานบริการ งานทำเครื่องดื่มหรืออาหาร เป็นงานฝีมือ ทุกอย่างต้องผ่านการเก็บประสบการณ์ ความรู้กว่าจะมาทำอาชีพนี้กันได้ พอคนจ้างคิดว่ามันก็แค่การชงน้ำ เค้าก็กดค่าแรงเข้าไปอีก แต่คุณรู้มั้ย การทำกาแฟมันไม่ใช่แค่การบดกาแฟเข้าเครื่องแล้วได้กาแฟออกมาแล้วจบ งานพวกนี้คุณต้องดูอุณหภูมิ คุณภาพของน้ำ คุณภาพการคั่วของกาแฟ เมล็ดที่ใช้จะได้รสชาติออกมายังไง ไหนจะเรื่องใส่นม ใส่น้ำ หวานไม่หวานตามใจคนไทยอีก การชงก็มีหลายแบบหลายวิธี มันยากนะคุณหรือต้องมาเจอลูกค้าที่ไม่ดื่มเครื่องดื่ม… Continue reading ค่าแรงบาริสต้าในไทยไม่ถูกให้ค่า