ประเภท: การเคลื่อนไหวแรงงาน ประเทศ: อินโดเนเซีย แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง(เวปไซด์/Facebook): – http://www.iisg.nl/w3vl/
Category: pHome-Stories
นักแสดงกับแรงงานที่มองไม่เห็น
เด็กฝึกงาน
“เด็กฝึกงาน” เป็น VDO Performance ที่คอลเลคเตอร์ (collector) หรือผู้รวบรวมคอลเลคชัน ได้เปิดพื้นที่ให้ศิลปินได้สร้างงานศิลปะชิ้นหนึ่งโดยไม่จำกัดเทคนิคจากประสบการณ์ของตัวศิลปินเอง โดยศิลปินได้เลือกถ่ายทอดประสบการณ์ที่ตนเองได้รับเมื่อตอนฝึกงานในขณะที่ยังเรียนในระดับมหาลัยฯ ภาษา ภาพ สี การเคลื่อนไหวทุกกริยาบท และเทคนิคต่างๆในวิดิโอได้แสดงออกถึง ความรู้สึก ความคิดต่อวัฒธรรมการฝึกงาน และประสบการณ์ส่วนตัวของศิลปิน วิดีโอชิ้นนี้เป็นเพียงหนึ่งประสบการณ์ของ “เด็กฝึกงาน” หนึ่งคน จากอีกหลายหมื่นคนในสังคมไทย ที่ต้องเผชิญหน้ากับเงื่อนไขและข้อจำกัดเพื่อผ่านการฝึกงานในแต่ละปี
พยายามหนักมาก เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มันดูจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เราเคยทำงานในองค์กรรัฐวิสาหกิจที่มีแต่คนบอกว่าอยากให้ลูกหลานได้เข้าไปทำงาน แต่เราทำไปได้ครึ่งปี เราไม่มีความสุขเลย งานสบายมาก แต่เราไม่ได้ใช้ศักยภาพของตัวเอง ไม่สนุกในการทำงาน หลายๆอย่างไม่เมคเซ้นตามสไตล์ที่เรารู้ๆกัน ท้ายที่สุดเราตัดสินใจลาออกกลับมาทำเอกชนในแวดวงที่เราสนใจ เราสนุกกับการทำงานมากขึ้นนะ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างแบบที่คิดไว้เลย แต่เราทำงานหนัก กดดัน และไม่มีเวลาเท่าไหร่เลย จนเราถามตัวเองอีกครั้งนึงว่าเราอยากทำหรืออยากเป็นแบบนี้จริงๆหรอ เราตัดสินใจผิดรึป่าวนะ เรารู้สึกว่าในประเทศนี้ไม่มีพื้นที่ให้คนสามารถเอนจอยกับการทำงานและต้องการ work-life balance เลย เหมือนถ้าเลือกอย่างใดอย่างนึง ก็คงต้องเสียอีกอย่างไป ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นอย่างงั้นเลย หรือเราอาจจะยังหาที่ทำงานที่เหมาะกับเราไม่ได้เองก็ไม่รู้นะ มันแค่รู้สึกแบบไม่ฟิตอินเลย หลายครั้งเรารู้สึกว่าเราพยายามหนักมาก เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มันก็ดูจะไม่ได้เป็นอย่างงั้นเท่าไหร่ ด้วยระบบและโครงการสังคมแบบนี้ แต่เราก็หวังนะว่ามันจะดีขึ้น ขอให้ทุกคนที่กำลังสู้อยู่ได้เจอนายจ้างที่ดี ปีนี้ได้เพิ่มเงินเดือนเยอะๆนะคะ ได้เจอหัวหน้าที่มองเห็นศักยภาพของคุณและมีความเป็นมนุษย์เยอะๆ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการกันทุกคนเลยนะ อย่าลืมรักษาสิทธิของตัวเองกันด้วยนะ วันลาเราห้ามทำงานนะะ
ค่าแรงบาริสต้าในไทยไม่ถูกให้ค่า
ก่อนกลับมาไทยเราเคยทำงาน Hospitality ที่ออสเตรเลียมาก่อน ทำงานไปเรียนไปอยู่ที่นั่นประมาณเกือบจะ4ปี งานส่วนใหญ่ที่ทำก็เสริฟ์อาหาร เหล้า ทำกาแฟ หลังๆพออยู่นานมีประสบการณ์เขาก็เลื่อนขั้นให้เราเป็น supervisor แต่ก่อนจะได้เป็นเราก็โดนโควิทเสียก่อนจึงกลับมาไทย เราถือว่า เราทำงานไม่หนักมากถ้าเทียบกันคนไทยอื่นๆที่อยู่ที่นู่น เราหยุดเยอะ ลงร้านเยอะ แต่ได้เงินที่สมเหตสมผลมาก เฉลี่ยแล้วเราได้เงินเกือบ 7หมื่นบาทต่อเดือนเราคิดว่าเราทำงานหนักแล้ว แต่พอกลับมาไทยที่ไทยดันแย่เสียกว่าอีก ที่นู่นเราทำเกือบจะ 10ชม แต่ได้เงินต่อวันเฉลี่ยแล้ว 150$ หรือเกือบ 3,750 บาทต่อวันรวมหักภาษีแล้วด้วย แต่ที่ไทยเราทำ 10.30ชั่วโมง แต่ได้เงินวันละ 600 แถมยังต้องทำทุกอย่างซึ่งเรารู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก งานบริการของที่นั่นไม่ต่างจากงาน พนักงานแบงค์ คนขับรถไฟ หรือแม้แต่นางพยาบาลเลย ทุกคนต่างทำงานบริการเหมือนกันต่างกันแค่บริบทแต่ได้รับเกียรติความเป็นมนุษย์เท่ากัน ซึ่งต่างจากไทยมาก หากสังคมไทยสอนเด็กในโรงเรียนหรือแม้แต่ในครอบครัวว่าทุกอาชีพมีค่าเท่ากันประเทศไทยก็คงไม่มีการลดทอนความเป็นคนมากขนาดนี้ งานบริการ งานทำเครื่องดื่มหรืออาหาร เป็นงานฝีมือ ทุกอย่างต้องผ่านการเก็บประสบการณ์ ความรู้กว่าจะมาทำอาชีพนี้กันได้ พอคนจ้างคิดว่ามันก็แค่การชงน้ำ เค้าก็กดค่าแรงเข้าไปอีก แต่คุณรู้มั้ย การทำกาแฟมันไม่ใช่แค่การบดกาแฟเข้าเครื่องแล้วได้กาแฟออกมาแล้วจบ งานพวกนี้คุณต้องดูอุณหภูมิ คุณภาพของน้ำ คุณภาพการคั่วของกาแฟ เมล็ดที่ใช้จะได้รสชาติออกมายังไง ไหนจะเรื่องใส่นม ใส่น้ำ หวานไม่หวานตามใจคนไทยอีก การชงก็มีหลายแบบหลายวิธี มันยากนะคุณหรือต้องมาเจอลูกค้าที่ไม่ดื่มเครื่องดื่ม… Continue reading ค่าแรงบาริสต้าในไทยไม่ถูกให้ค่า